วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556

[Fan Fiction TOG] Sensation.

Fan Fiction Tower of God [ToG]

Pairing : Urek x Viole [Baam]

Rate : PG-13

Talk Chil2 : เป็นอีกคู่ที่อวยส่วนตัวมากๆ ค่ะ (เอาง่ายๆ หลงกล้ามอูเร็ค มาชิโน่มากๆ ฮาา) เป็นเนื้อหาที่เขียนไว้นานแล้วเช่นกันค่ะ ทำให้รายละเอียดอาจจะไม่ตรงกับข้อมูลปัจจุบัน ต้องขออภัยด้วยนะคะ เช่นเคยถ้าหามีข้อติชมอะไรก็คอมเมนต์ได้ค่ะ และต้องขอบคุณที่ให้ความสนใจและติดตามนะคะ ^^


Story...



ความบังเอิญที่ได้พบกันเพราะดอกไซแกน่า...
                แสงสว่างรำไรจากพ็อคเก็ตนำทางส่องกระทบประกายตาสีน้ำตาลทองที่จ้องมองโดยมิหลบสายตา
                เรือนผมสีน้ำตาเข้มเกือบดำแม้จะถูกรวบไว้ก็ยังคงทิ้งตัวยาวพริ้วสยายน่าสัมผัส...
                ...สิ่งที่ตราตรึงหาใช่การต่อสู้ที่แลกด้วยความเสียสละ...แต่เป็นสายตาที่แน่วแน่...

                ก๊อกๆ...

                “เฮ้ นี่ตื่นสายอีกแล้วเหรอ ?” เสียงเคาะประตูที่ทำเพื่อแสดงความมีมารยาทเท่านั้น แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยังคงเปิดเข้ามาโดยไม่รอให้บุคคลในห้องเอ่ยเชื้อเชิญก่อนอยู่ดี ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำสุดเนี้ยบเดินเข้ามาก่อนส่ายหน้าเล็กน้อย ถึงจะอยู่ในตำแหน่งคนรับใช้คนสนิท แต่ในบางครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกระอานิสัยเรื่อยเฉื่อยกับเรื่องอื่นนอกจากเรื่องต่อสู้ของคนที่นอนบนเตียง

                ให้ตายสิ...

                “นี่...ตื่นได้แล้วนะครับ...จากที่ผมจะมาตามคุณไปทานอาหารเช้า ตอนนี้ผมต้องตามคุณไปทานอาหารเที่ยงแล้วล่ะครับ” น้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่ได้ช่วยให้ผู้ที่นอนนิ่งบนเตียงอย่างเกียจคร้านอยากขยับตัวแต่อย่างใด หลังจากที่ยืนจ้องอยู่ซักพักราวกับร่างใต้ผ้าห่มผืนหนาจะจับสัมผัสได้จึงขยับตัวเปิดผ้าห่มออกแล้วยันตัวขึ้นนั่ง มือแกร่งยกขึ้นปิดปากหาวสื่อเจตนาที่ไม่ต้องการลุกอย่างเต็มเปี่ยม เรือนร่างหนัดแน่นด้วยมัดกล้ามถูกปิดบังท่อนล่างด้วยกางเกงผ้าร่มเพียงตัวเดียวเท่านั้น ดวงตาสีแดงเหลือบมองผู้ทำการปลุกด้วยแววตาผิดหวังอย่างสุดซึ้ง

                “นายนี่มันขัดจังหวะชัดๆ...”

                “ถ้าไม่ขัดจังหวะฝันหวานของคุณ วันนี้คุณก็คงไม่ต้องทานข้าวกันแล้วล่ะครับ” คนขัดจังหวะเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มไม่ใส่ใจ สร้างความเอือมระอาให้กับคนฟังไม่น้อย อูเร็คยกมือขึ้นยีผมสีอ่อนของตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนลุกขึ้นจากเตียงอย่างเสียมิได้

                “นี่ผมไปขัดความฝันแบบไหนของคุณเข้าล่ะครับ ? ถึงได้ทำท่าเสียดายขนาดนั้น...ฝันถึงท่านแพนทามินัม ?” การเดาสุ่มที่เกิดจากข่าวลือไร้มูลทำให้คนฝันอย่างอูเร็คถึงกับทำหน้าเหยเกทันที แม้จะไม่รู้ว่าไปทำอิท่าไหนถึงเกิดข่าวลือแบบนั้นขึ้นมา แต่ด้วยนิสัยแล้วเรื่องพวกนี้กลับกลายเป็นเรื่องไร้สาระมากกว่าที่จะมาเดือดเนื้อร้อนใจที่จะแก้ข่าว

                ขนาดคนที่ถูกพาดพิงยังไม่เคยออกมาร้อนตัวเลยด้วยซ้ำ...

                “แล้วทำไมฉันต้องฝันถึงเจ้านั่นด้วยฟะ...” อูเร็คอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาด้วยใบหน้าขัดใจ คนถามมองสีหน้านั้นแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากถามอีกครั้งเพื่อคลายความสงสัยสัย มือใหญ่ก็ยกขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

                “เอาเป็นว่า...ฉันไม่ได้ฝันถึงเจ้านั่น ฉันก็แค่ฝันถึง...เด็กที่น่าสนใจคนหนึ่ง...” คำตอบมาพร้อมรอยยิ้มเห็นเขี้ยวทำให้ผู้ฟังต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยยิ่งกว่าเดิม แต่เมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับรอยแผลเป็นเล็กๆ ที่ใต้ตาขวาของอีกฝ่าย เพียงแค่นั้นมันสมองอันชาญฉลาดก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้เองทันที

                “นี่คุณฝันถึงนักฆ่าน้อยของ FUG ที่ทิ้งบาดแผลไว้ที่หน้าคุณอย่างนั้นหรือครับ ? คุณนี่นะ...ผูกใจเจ็บกับเรื่องแค่นี้เป็นเด็กๆ ไปได้” แต่ทว่าการผูกเรื่องราวโดยใช้นิสัยของคนฝันเป็นตัวตั้งนั้นทำให้พลาดความจริงไปอีกโข อีกทั้งยังสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าตัวอีกด้วย ดวงตาสีแดงจ้องเขม็งไปยังคนกล่าวจนเขาต้องยกมือยอมแพ้และยื่นเสื้อคลุมให้

                “คิดซะว่าผมคิดผิดไปแล้วกัน แต่คุณนี่ก็ฝันแม่นเหมือนกันนะ เพราะวันนี้ตอนบ่ายคุณยูเจมาขอพบน่ะครับ” อูเร็คที่เดินตามข้ารับใช้คนสนิทพลางสวมเสื้อไปด้วยมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

                “ยูเจ ? มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าน่ะ”

                “ด่วนไม่ด่วนผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่คุณฝันนั่นล่ะ...” เพียงแค่นั้นร่างทั้งร่างถึงกับนิ่งไปทันที ไม่ใช่ความรู้สึกหวาดกลัวจนขยับตัวไม่ได้ แต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้นจนกล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งตัว ดวงตาสีแดงส่องประกายซ่อนความยินดีไว้ไม่มิด

                เกือบสองปีที่ผ่านมานี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ...นักฆ่าน้อยแห่ง FUG...

+++++++++++++++++++++++++++

                ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ มีสายลมพัดผ่านช่วยบรรเทาความร้อนให้เป็นระยะ เสียงเสียดสีของกิ่งไม้ใบหญ้ารอบตัวหากเป็นวันที่ต้องพักผ่อนแล้ว การได้นอนใต้ร่มไม้ซักชั่วโมงคงช่วยให้ปลอดโปร่งไม่น้อย แต่ทว่าสำหรับวันนี้กลับไม่ใช่การพักผ่อนอย่างที่คิด หลังจากที่ขึ้นมาถึงชั้นสามสิบของหอคอยได้ซักพัก เขากลับพบกับบุคคลที่ไม่นึกว่าจะได้พบกันอีกครั้ง...

                อูเร็ค มาซิโน่...หัวหน้าแห่งองค์กรปีกพฤกษา...

                ดวงตาสีน้ำตาลทองภายใต้เส้นผมเล็กละเอียดปรกตาพิจารณาฝ่ายตรงข้ามที่คิดยังไงก็ยากที่จะด่วนสรุปให้ว่าเป็นการบังเอิญเจอกันในชั้นนี้ จากการต่อสู้ในภารกิจดอกไซแกน่าเมื่อราวๆ สองปีก่อนนั้นไม่เคยห่างหายไปจากห้วงคำนึงของแบมแม้แต่น้อย ผลการตัดสินที่ค้างคาอาจได้รับความกระจ่างในวันนี้ แต่ถือว่าเป็นเรื่องโชคไม่ดีเลยที่ต้องมาเจอกับบุคคลตรงหน้าในอีกไม่กี่วันก่อนงานเวิร์คช็อป แบทเทิล

                “ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ...นักฆ่าน้อยแห่ง FUG ไม่สิ...ฉันควรเรียกนายว่า วิโอลี่ สินะ” อูเร็คเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อนด้วยรอยยิ้มแสยะ ดวงตาสีแดงที่เปล่งประกายหมายมาดแต่เรื่องต่อสู้ไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นนี้ได้เลย แม้ว่าจะข่มใจไว้มากแค่ไหนก็ตาม

                “คุณมีธุระอะไรกับผม ?” วิโอลี่หรือแบมเอ่ยถามแบบไม่ต้องการประจันหน้ากับอีกฝ่ายนานนัก อูเร็คเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่รอยยิ้มมาดมั่นที่มุมปากยังคงไม่คลายตัว

                “ถ้าฉันจะบอกว่าแค่มาทักทายนายจะเชื่อรึเปล่าล่ะ ?”

                “....” คำตอบที่มีเพียงแค่ความเงียบสร้างเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งให้กับคนถาม ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าหากไม่มีความจำเป็นอะไร นักฆ่าน้อยคนนี้ก็คงแทบไม่ปริปากพูดอะไรออกมา ดวงตาสีแดงส่องประกายเจิดจ้าอย่างพึงพอใจกับคนที่อยู่ตรงหน้า

                จะให้จบลงแค่พูดคุยเฉยๆ มันก็น่าเสียดายล่ะนะ...

                “ถ้าหากฉันจะขอชมฝีมือในช่วงสองปีที่ผ่านมานี่ คงจะไม่ว่าอะไรกันนะ” ว่าแล้วอูเร็คก็พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วที่หนุนเพิ่มด้วยชินซูทันที แบมขยับเท้าเบี่ยงหลบการโจมตีนั้นได้อย่างฉิวเฉียด แต่การวางใจตั้งแต่เริ่มย่อมไม่เกิดผลดี อีกทั้งอีกฝ่ายเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในทุกตำแหน่งแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว

                พลั่ก !

                แล้วก็เป็นดังคาดทันทีที่แบมเบี่ยงตัวหลบ อีกฝ่ายก็หมุนตัวฟาดขาเข้าใส่อย่างรวดเร็ว แบมที่เดาทางไว้อยู่แล้วจึงสามารถยกแขนขึ้นเพื่อตั้งการ์ด แต่ถึงจะตั้งการ์ดไว้ก็ไม่อาจต้านทานแรงมหาศาลได้ ร่างเล็กกว่าจึงกระเด็นไปด้านข้าง เพื่อไม่ให้เสียเวลาผู้ทำการบุกก็ไล่ตามร่างเล็กนั้นแล้วอัดซ้ำด้วยหมัดของตนทันที

                ตูม !

                เสียงกัมปนาทดังขึ้นไปทั่วบริเวณ โชคดีที่แถวนี้ถือได้ว่าเป็นบริเวณป่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่จำเป็นต้องห่วงว่าจะมีผู้บริสุทธิ์เข้ามาใกล้เหมือนคราวก่อน รอยยิ้มแสยะแย้มกว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงการโต้กลับของผู้ที่เป็นรองมาก่อน คลื่นพลังชินซูที่ถูกถ่ายทอดออกจากฝ่ามือเพื่อรองรับแรงโจมตีแผ่ออกเป็นวงกว้างก่อนจะกลับเข้ามารวมกันแล้วยิงคลื่นพลังใส่เพื่อแสดงการโต้ตอบทันที

                “ไม่เบาเหมือนกันนี่นา” การเอ่ยชมที่แสดงถึงความสนุกของอูเร็คแม้จะทำให้แบมรู้สึกไม่ชอบใจนัก แต่ก็ไม่อาจทำอะไรคนคนนี้ได้เท่าไรนัก อูเร็คถอยและเบี่ยงตัวหลบคลื่นพลังของแบมได้สบาย ต่างจากแบมที่พยุงตัวขึ้นมาจากพื้นร่างกายเต็มไปด้วยเศษดินและเศษหญ้า รอยขีดข่วนเล็กๆ ที่ใบหน้าเรียกหยดเลือดสีแดงให้แต่งแต้มพวงแก้มขาวชวนมอง แต่ทว่ามือเล็กกลับยกขึ้นปาดเลือดที่แก้มออก พลางจ้องมองคู่ต่อสู้ด้วยสายตาที่แน่วแน่

                สายตาแบบนี้...ราวกับจะประทับตราตรึงความฝันให้ติดลึกในห้วงคำนึง...

                ไม่รู้ว่าจู่ๆ เขานึกสนุกอะไรขึ้นมา อูเร็คเหยียดยิ้มก่อนเคลื่อนกายด้วยชินซูอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะร่างที่เคยอยู่ตรงหน้าแบมกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ท่ามกลางความแปลกใจและหวาดระแวงที่เกิดขึ้น สัมผัสแผ่วเบาที่แผ่นหลังเพราะกลุ่มผมที่มัดรวบเอาไว้กลับทิ้งตัวแผ่สยายเต็มหลังจนระใบหน้าด้านข้างของตน ยังไม่ทันจะได้คิดถึงที่มาของสิ่งที่เกิดขึ้น สุ้มเสียงจากเบื้องหลังพลันเรียกเลือดในกายให้เย็นเฉียบ

                “ผมของนายนี่เหมือนผู้หญิงจริงๆ ด้วยนะ ผ่านมาสองปีไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยหรือไง...” มือใหญ่หยาบกร้านแทรกนิ้วผ่านเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำเพื่อสัมผัสสิ่งที่ทำได้แค่เพียงหลับตาฝันแล้วจินตนาการถึงมัน แต่ในเวลานี้สิ่งที่ไม่อาจได้จับต้องจริงๆ มาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะห้ามตัวเองไม่ให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ตัวเองเคยคิดไว้...และมันก็สร้างความประทับใจให้กับเขาเป็นล้นพ้น...

                “...!” คำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้รับและยังมาพร้อมการสัมผัสแบบนี้ ทำให้ใบหน้ามนที่เคยเผือดสีถึงกับขึ้นสีแดงจัด แบมหมุนตัวพร้อมกับฟาดขาไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าการเคลื่อนไหวนั้นช้าเกินไปที่จะโจมตี อูเร็คก้าวถอยไปด้านหลังได้อย่างทันท่วงทีและจับสังเกตอีกฝ่าย แม้ว่าการโจมตีนั้นรวดเร็ว แต่ด้วยพละกำลังและความเร็วที่เคยเห็นก่อนหน้านั้นต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

                อีกไม่นานการต่อสู้นี้ก็จะจบแล้วสินะ...

                อูเร็คอดคิดอย่างเสียดายไม่ได้ เขารู้ได้จากการต่อสู้ว่านักฆ่าน้อยคนนี้มีฝีมือที่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อต้องมาต่อสู้กับเขาจริงๆ แล้วยังต้องมีการพัฒนาให้มากขึ้นกว่านี้อีก ดูเหมือนว่าอูเร็คจะปล่อยตัวไปกับความคิดมากไปหน่อย จึงเผลอประมาทการโจมตีแบบสายฟ้าแลบของแบม การโถมน้ำหนักตัวทั้งหมดรวมเข้ากับการเสริมพลังความเร็วด้วยชินซู ทำให้อูเร็คเสียหลักล้มหงายหลังนอนแผ่กับพื้นโดยมีคนตัวเล็กกว่านั่งคร่อมทับอยู่บนตัว นิ้วมือเล็กพยายามกำรอบคอใหญ่ด้วยความสั่นเทาเพราะอ่อนแรง

                “ทำได้ดีเหมือนกันนี่” คำเอ่ยชมจากผู้ที่ดูอย่างไรก็เหนือกว่าสร้างความไม่สบอารมณ์ให้กับแบมเงียบๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ด้วยความอ่อนแรงที่ต้องปะทะกับคนคนนี้ด้วยชินซูที่หนักหน่วง ร่างกายที่ยังไม่พัฒนาให้ถึงขั้นรับมือกับศึกหนักก็อ่อนล้า ส่งผลต่อระบบประสาททำให้สมองว่างเปล่าจนควบคุมสติได้ยาก ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่ไหว แต่ด้วยพลังใจที่แน่วแน่กลับส่งผ่านทางดวงตาสีน้ำตาลทองที่สบเข้ากับดวงตาสีแดงตรงๆ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำยาวแผ่สยายราวกับจะบดบังใบหน้าของทั้งสองให้พ้นจากสายตาบุคคลภายนอก สำหรับอูเร็คแล้วมันคงเป็นบรรยากาศที่โรแมนติคไม่น้อยหากไม่นับเรื่องการต่อสู้ที่ทุ่มกันแบบแทบแลกด้วยชีวิตของอีกฝ่าย

                “แล้ว...นายจะทำยังไงต่อล่ะ ? จู วิโอลี่ เกรซ...” การเอ่ยเรียกชื่อเต็มราวกับจะยั่วเย้าอารมณ์เจ้าของชื่อให้ปั่นป่วน แต่ด้วยสติที่เหลืออยู่ทำให้การกระทำเมื่อครู่เป็นศูนย์ไป ขณะนี้แค่จะประคองสติให้คงอยู่ก็เต็มกลืน ทำให้บางสิ่งที่เคยนึกและเก็บซ่อนไว้ส่วนลึกของจิตใจถูกปล่อยผ่านออกมาทางริมฝีปาก

                “...ถ้าหาก...ปีกที่หลังของคุณช่วยพาผมบินไปหาดวงดาวได้...ก็คงจะดี...”

                คำกระซิบที่อ่อนแรงทำให้รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าหายวับไปทันที ก่อนจะตามมาด้วยน้ำหนักกายทั้งหมดที่ทาบทับอยู่บนร่าง ตอนนี้ร่างเล็กหมดสติไปแล้วและทำได้เพียงนอนคว่ำหน้าอยู่บนร่างที่ใหญ่กว่าด้วยลมหายใจอ่อนแรง อูเร็คนอนฟังเสียงหายใจของอีกฝ่ายเงียบๆ แผ่นอกสามารถรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมอของร่างเล็กบนกายตน เส้นผมยาวสยายแผ่ออกคลอเคลียลำคอและไหล่กว้างไร้อาภรณ์ทำให้รู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ เพราะร่างนั้นหมดสติไปแล้วเขาจึงถือวิสาสะเกลี่ยเส้นผมเหล่านั้นและลูบไล้ไปมาด้วยความเผลอไผล

                “แย่จังนะ...ถึงฉันจะมีปีกจริงๆ แต่ฉันก็พานายไปหาดวงดาวไม่ได้หรอก...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นราวกับจะตอบประโยคก่อนหน้าให้กับอีกฝ่ายฟัง ใบหน้าคร้ามคมขยับมองใบหน้าเล็กที่หนุนไหล่ตัวเองเงียบๆ แล้วเอ่ยสำทับขึ้นมาอีกครั้ง...

                “แต่ถ้านายอยากใช้ปีกของฉันพาออกไปหาดวงดาวที่แท้จริงนอกหอคอยล่ะก็...ฉันยินดีเลยล่ะ”

+++++++++++++++++++++++

                ความเงียบกับอากาศเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศภายในสำนักงานแทนที่จะสร้างความสุขสบายให้กับผู้อาศัย แต่ขณะนี้มันกลับกลายเป็นตัวเสริมบรรยากาศมาคุชวนอึดอัดจากชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสุดเนี้ยบ ดวงตาเฉียบคมจ้องมองผู้นำของกลุ่มที่ทำเป็นนั่งเล่นกับลูกไซแกน่าน้อยที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานราวกับหนีสายตาจากข้ารับใช้คนสนิทที่ดูยังไงหลังๆ กลับเริ่มทำตัวเป็นเจ้าชีวิตขึ้นเรื่อยๆ

                “คุณท่านอูเร็ค มาซิโน่ครับ...”

                เรียกกันเต็มยศแบบนี้...ไม่แคล้วหงุดหงิดเหมือนโลกจะแตกแหงแซะ...

                “อ้า ! ว่าไงๆ มีงานด่วนอะไรเข้ามาล่ะ ? หรือว่ายูเจมาขอพบฉันอีก ?” ท่าทางแสร้งทำเป็นสนใจงานการสร้างความหงุดหงิดให้กับคนเรียกมากกว่าเดิม คลาดสายตาไปหน่อยเดียว ข่าวล่ามาไวจากสายสืบประจำตัวของตนก็คาบข่าวที่เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายยิ่งกว่าเรื่องก่อนๆ เสียด้วยซ้ำ

                “นี่คุณเป็นพวกตาเฒ่าที่ชื่นชอบการเลี้ยงเด็กไว้ในปกครองตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

                “หะ...หา !!! ใครที่ไหนมันพูดแบบนั้นฟะ ! เรื่องบ้าๆ แบบนี้ทำให้ฉันเสื่อมเสียได้เลยนะเฮ้ย !!!” อูเร็คถึงกับลุกขึ้นยืนโวยวายลั่นห้อง ชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่มองอีกฝ่ายที่โวยวายคลุ้มคลั่งด้วยใบหน้านิ่งสนิท คิ้วเรียวเลิกขึ้นเพียงแค่เล็กน้อยเมื่อได้ข้อสรุปในใจ

                ทีเรื่องของตัวเองกับท่านแพนทามินัมไม่เคยเห็นจะโวยวายแบบนี้...นี่คงจะนิยมเลี้ยงเด็กจริงๆสินะ

                “ถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ผมเชื่อเลยว่าคุณต้องได้คำล้อใหม่แน่ๆ...อูเร็คเลี้ยงต้อย...” ว่าแล้วคนทิ้งระเบิดก็หมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานทันที ไม่แม้แต่จะสนใจสีหน้าตะลึงค้างของผู้เป็นนายที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง...

+++++++++++++++++++

                “นี่ๆ รู้รึเปล่า ตอนนี้เค้ามีข่าวลือแปลกๆ ของอูเร็ค มาซิโน่ด้วยล่ะ” วังนังโพล่งขึ้นมาหลังจากกลับจากซื้อของที่ตลาดกับปรินซ์และโฮรัง

                “เอ๋ ? ข่าวลืออะไรเหรอ ?” ยีฮวาที่กำลังดูโทรทัศน์อยู่รีบหรี่เสียงแล้วหันไปหาวังนังทันที ชายหนุ่มผมทองทำท่าราวกับเป็นผู้รู้เสียเต็มประดายืดอกขึ้น แล้วกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

                “เห็นเค้าว่ากันว่า อูเร็ค มาซิโน่ตอนนี้กลายเป็นตาเฒ่าเลี้ยงเด็กหนุ่มไปซะแล้วล่ะ โอ๊ย ! ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีนะที่ได้เป็นข่าวกับ อูเร็ค มาซิโน่ ผู้โด่งดังคนนั้นน่ะ ฮ่าๆ ! อ่ะ...อ้าว ? แล้วนั่นนายจะไปไหนน่ะวิโอลี่ ?” วังนังมองตามคนที่เดินหนีออกจากห้องนั่งเล่นเป็นคนแรกโดยไม่สนใจเสียงที่เอ่ยรั้งตนจากข้างหลังแม้แต่น้อย...


Sensation : End.

5 ความคิดเห็น:

  1. หว๋าย หาอ่านฟิคเรื่องนี้ยากจริงๆค่ะ ขอบคุณที่เเต่งนะคะ 55555 ซาบซึ้งจริงๆ

    ตอบลบ
  2. ชอบมากค่ะ หาที่อ่านถูกใจยากจริงๆ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ23 มกราคม 2565 เวลา 08:49

    12bet | The best online casino games for real money
    Slots and Live Casino; Slots – Play the most popular online casino games in the UK 더킹카지노 for 온카지노 real money and get 12bet a welcome bonus of £50. Play at the best

    ตอบลบ
  4. The best bonuses codes for casino slots: 50 free spins
    Looking for the best casino slots bonuses? The best casino bonus codes are: 서산 출장샵 50 부천 출장안마 free spins; 50 free 삼척 출장샵 spins; 50 free spins. This 안산 출장안마 can be found 논산 출장샵 at

    ตอบลบ
  5. Melbet Hotel, Casino & Brewery | Jordan7 Retropie
    Melbet Hotel, Casino & Brewery, air jordan 18 stockx online shop Hotel & Brewery is the premier where to buy air jordan 18 retro red destination in jordan 18 white royal blue super site the Jordan region for how can i order air jordan 18 retro toro mens sneakers luxury, gaming, hotel air jordan 18 stockx free shipping accommodations and

    ตอบลบ