Fan Fiction Tower of God. [ToG]
Pairing : Koon x Baam
Rate : PG-13
Talk Chil2 : เพิ่งหัดโพสลงบล็อกครั้งแรกค่ะ ถ้าหากผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ ฮาา ในส่วนของแฟนฟิคเรื่องนี้เขียนไว้นานพอสมควรค่ะ ทำให้เนื้อหารายละเอียดบางส่วนไม่ได้มีการอัพเดต คือเขียนตอนนั้นก็รู้แค่นั้นเองค่ะ อาจจะผิดพลาดไปบ้างก็ขออภัยด้วยนะคะ ซึ่งฟิคเรื่องนี้เขียนแบบอิงเนื้อหาจริงจากส่วนแปลของคุณ Aquanest นะคะ เนื้อหาเป็นอย่างไรก็สามารถติชมหรือเมาท์กันได้ตามสะดวกค่ะ และต้องขอบคุณที่อุตส่าห์ให้ความสนใจและติดตามนะคะ ^^
Story...
หอคอย...ไม่เคยสร้างมิตร
รอบตัวมีเพียงผลประโยชน์และศัตรู...
ทว่าการเดิมพันโง่ๆ
กลับสร้างมิตรภาพอันสำคัญ...
สิ่งสำคัญสิ่งนี้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือพบเจอกับสิ่งใด เขาก็ไม่ยอมให้มันดับสลาย...
...แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นดั่งชีวิตของสิ่งสำคัญของเขาก็ตาม...
เสียงของนาฬิกาบนผนังห้องบ่งบอกเวลายามค่ำที่หลายคนต่างตกอยู่ในห้วงนิทรา
ทว่าสำหรับร่างบนเตียงแล้วไม่ว่าจะเวลาใดก็ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ
แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาได้สองวันแล้วก็ตาม
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นจากโบนัสเกมที่มีชื่อว่า คราวน์
จากที่เคยคิดว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่เมื่อสิ่งนั้นปรากฏขึ้นมา
ทุกสิ่งที่เคยคิดไว้กลับตาลปัตร
อีกทั้งยังส่งผลให้เพื่อนคนสำคัญของเขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะนอนไม่ได้สติมาจนถึงขณะนี้
...ราเชล...
ชื่อนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา
เขาพยายามนึกทบทวนว่าแบมนั้นมองเห็นสิ่งดีอันใดจากตัวผู้หญิงคนนี้
เพราะสำหรับเขาแล้วความดีทั้งหลายที่เคยคิดไว้
รวมไปถึงความใสซื่อบริสุทธิ์ที่ไม่ทันโลก
ทุกสิ่งที่เป็นสีขาวแต่ไม่ว่างเปล่าได้รวมอยู่ในตัวของแบมอยู่แล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหาคำตอบได้เลยว่าราเชลมีคุณค่าพอที่จะให้แบมปกป้องจนต้องมานอนไม่ได้สติแบบนี้ตรงไหน
เพราะจากการสนทนาช่วงกลางวันระหว่างเขากับราเชลนั้นมีเพียงแค่การขอคำโป้ปดจากเธอเท่านั้น...
“คนอย่างนายนี่เรียกว่าโง่หรือซื่อดีนะ...”
เด็กหนุ่มผมสีฟ้าขาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงอดไม่ได้ที่จะพึมพำขึ้นมา
ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองร่างบนเตียงอยู่ตลอด เขาแทบจะนับช่วงวินาทีรอให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว
แม้ว่าแบมจะรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว
สุดท้ายสิ่งที่เขาสามารถมอบให้ได้กลับมีเพียงแค่คำเท็จจากสตรีคนสำคัญของเจ้าตัว
“แต่การปกป้องคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บแบบนี้มันก็สมกับเป็นนายจริงๆ
เลยนะแบม...” คูนเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางเบาพร้อมกับยื่นมือลูบผ้าพันแผลที่ศีรษะเบาๆ
ดวงตาสีน้ำเงินจับจ้องไปยังผ้าพันแผลสีขาวเงียบๆ
ก่อนจะไล่สายตาไปตามเรียวนิ้วของตนที่เลื่อนไปเกลี่ยเส้นผมที่ข้างแก้มของแบม
เขาลากนิ้วไปตามพวงแก้มนุ่มเรื่อยลงมาถึงคาง และสุดท้ายก็หยุดที่ริมฝีปากเล็ก
การใช้เพียงแค่สายตาพิจารณาความนุ่มนิ่มของริมฝีปากกลับไม่เพียงพอต่อความต้องการของจิตใจ
ราวกับร่างกายขยับไปตามอำเภอใจของจิตใต้สำนึก
เขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่าได้ลดกายลงเหนือร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่
ขณะนี้สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแค่การตอบสนองต่อความสงสัยใคร่รู้ และคำตอบจากคำถามที่ได้มาจากการมองเพียงแค่นั้น...
ลมหายใจแผ่วเบาที่เป่ารดข้างแก้มกับความอบอุ่นอ่อนนุ่มที่ริมฝีปากให้ความรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยนึกฝัน
ราวกับสภาพภายนอกที่เป็นใจเนรมิตสายลมให้พัดผ่านกลุ่มเมฆบดบังแสงจันทร์ส่งความมืดสลัวสู่พื้นดิน
เขาคิดอยู่เสมอว่าตนเองนั้นเป็นคนที่ใจเย็น
สามารถไตร่ตรองและรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ทุกรูปแบบ
แต่สำหรับตอนนี้ความสุขุมใจเย็นกลับค่อยๆ
ละลายหายไปพร้อมกับสัมผัสอุ่นร้อนที่ริมฝีปาก
หากทำตามที่ใจปรารถนา...หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นนะ...
นี่คงเป็นครั้งแรกที่คูนไม่สามารถหาคำตอบล่วงหน้าให้กับสถานการณ์เช่นนี้ได้
ที่ผ่านมาเขาเพียงแค่ทำตามสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ควรเป็นไป
แต่เขาแทบจะไม่เคยทำตามสัญชาติญาณหรือความตั้งใจของตนเลยซักครั้ง
ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกอย่างแท้จริงที่เขาได้เริ่มทำตามอย่างใจนึก
ทำนบที่ขวางกั้นเริ่มพังทลายเมื่อความร้อนดั่งเปลวไฟเผาผลาญจากเบื้องลึกเพิ่มสูงขึ้น
ความรุนแรงค่อยๆ
บดขยี้ความอ่อนนุ่มของริมฝีปากมากขึ้นจนลมหายใจที่เคยผ่อนเป็นจังหวะเริ่มสะดุด
และหนักหน่วงขึ้นเพราะความอึดอัด
เมื่อสมองคิดถึงหนทางที่จะทำให้อีกฝ่ายหลอมละลายกลับถูกหยุดชะงักลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหากรุนแรงมากเกินไป
ไม่ว่าจะทนทานแข็งแรงขนาดไหนย่อมมีวันสูญสลายได้
ใบหน้าที่ผละออกถูกซ่อนไว้ใต้ความมืดของแสงจันทร์
เสียงหอบหนักเป็นสัญญาณความอดทนที่ใกล้ถึงขีดสุด
แต่ถึงกระนั้นก็ตามเมื่อได้ลืมตามองร่างที่ยังคงหลับใหลและกลับมาหายใจเป็นปกติแล้ว
เขาก็รีบควบคุมอารมณ์เหล่านั้นให้สงบลง
ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะหลับตาเคลื่อนตัวลงจากเตียงผู้ป่วยแล้วแนบหน้าลงบนแผ่นอกเพื่อฟังเสียงหัวใจเต้นเงียบๆ
เขาชอบทุกสิ่งที่เป็นแบมก็จริง...แต่ในขณะเดียวกันเขากลับเกลียดความใสซื่อของแบมไม่น้อยเช่นกัน...
++++++++++++++++++++++++
“คุณคูน...ฉันฝัน...ว่าแบมยังอยู่ที่นั่น...”
เสียงแผ่วหวานที่สั่นเครือดังเพียงกระซิบ แม้ว่าห้องทั้งห้องจะมีอยู่กันแค่สองคน
แต่ด้วยสภาวะทางจิตใจบางอย่างคงทำให้หญิงสาวผมทองตรงหน้าหวาดกลัวเกินกว่าจะเล่าความฝันของตนออกมาได้อย่างมั่นใจ
ดวงตาสีน้ำเงินหลุบมองคนกล่าว ถ้อยคำบอกเล่ามากมายผ่านเข้าโสตประสาทของเขา
แต่เขาไม่คิดจะคล้อยตามหรือเก็บมาใส่ใจเลยซักนิด
เพราะสุดท้ายแล้วทุกสิ่งที่ปล่อยผ่านริมฝีปากของสตรีตรงหน้ามีเพียงแค่คำโกหกเท่านั้น
“...คุณคูน...” แล้วร่างเล็กบอบบางก็เข้าสวมกอดตัวเขาไว้
ใบหน้าหมองเศร้าซบลงกับอกราวกับหวังถ่ายทอดความเศร้าที่กลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา
คูนก้มมองราเชลเงียบๆ ก่อนยกแขนขึ้นโอบไหล่เพื่อปลอบประโลมอีกฝ่าย
ทว่ามือขวาที่เคยลูบหลังแผ่วเบากลับยกขึ้นหมายจับลำคอเล็กบางนั่นแล้วบีบให้ขาดอากาศหายใจหรือให้กระดูกแตกยิ่งดี
แต่ด้วยสติสุดท้ายที่ฉุดรั้งเอาไว้ทำให้เขาไม่ทำอย่างที่ใจต้องการ
สำหรับตอนนิ่งสิ่งที่ควรทำมีแค่ปลอบโยนหญิงสาวให้วางใจเพื่อสานต่อแผนต่อไปที่วางไว้...
...ฉันจะทำให้เธอทรมานเสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็น...
การประชุมที่เริ่มขึ้นในเวลาเย็นย่ำ
แสงอาทิตย์สุดท้ายที่เกือบจะลาลับขอบฟ้าทำให้ห้องที่ไม่ได้เปิดไฟตกอยู่ในความสลัว
เหล่าคนปกติที่ได้รับเลือกรวมไปถึงว่าจ้างมาสำหรับดำเนินแผน “รั้วที่เสร็จสมบูรณ์”
ต่างนั่งมองเงียบๆ ราวกับเตรียมใจรับฟังแผนการทั้งหมดจากชายหนุ่มผมขาวฟ้า
ดวงตาสีน้ำเงินทอดมองนิ่งๆ มาพร้อมกับรอยยิ้มบางเบาอ่านยาก
ถ้อยคำอธิบายแผนการทั้งหมดแม้แรกเริ่มจะฟังดูแล้วเป็นภารกิจที่เสียสละ
แต่ในท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่พวกเขาต้องย้ำเตือนลงในจิตใจคือ
มิตรภาพจอมปลอมที่มีต่อราเชล...
“...จงจำไว้เสมอ...ว่าอย่าใหความเห็นอกเห็นใจแก่เธอ
อย่าคิดว่าเธอเป็นเพื่อน เพราะซักวันนายต้องกลับมาทำให้เธอร้องไห้ตอนที่ฉันบอกให้ทำ...จงเกลียดชังเธอ
เพราะว่า...เธอคือผู้หญิง ที่ฆ่าเพื่อนที่แสนล้ำค่าของฉันไป...”
...ฉันขอโทษ...แบม...
+++++++++++++++++++++
เสียงนกนางนวลดังแว่วอยู่ทั่วบริเวณ
เวลาเช้าตรู่เหมาะแก่การออกหากินเพราะฝูงปลาจะขึ้นมารับแสงแดดจากผิวน้ำ
ทำให้แหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์มีเหล่าผู้ล่าครอบคลุมอยู่ทั่วพื้นที่
กระท่อมกลางน้ำหลังเล็กเหมาะแก่การนั่งหาปลาสบายๆ
ในขณะที่ริมฝั่งมีบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่สามารถจุผู้อยู่อาศัยได้ถึงสามสิบคน
แสงแดดรำไรส่องผ่านผ้าม่านสีขาวภายในห้องจึงกลายเป็นแสงนวล
ความอบอุ่นของแสงแดดมาพร้อมกับอากาศเย็นสบายริมทะเลทำให้เวลานอนรู้สึกสบายมากกว่าปกติ
ห้องนอนที่มีเพียงแค่ความเงียบมีร่างๆ
หนึ่งเคลื่อนกายเข้ามาประชิดเตียง ดวงตาสีน้ำตาลทองที่ซ่อนอยู่ใต้เรือนผมสีน้ำตาลเข้มปรกตาหลุบมองร่างบนเตียงเงียบๆ
กระจุกผมสีฟ้าขาวที่โผล่พ้นจากผ้าห่มทำให้ผู้ที่จ้องมองอยู่ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ
หลังจากที่ยืนจ้องอยู่ซักพักเขาก็ยื่นมือเขย่าตัวอีกฝ่ายที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มเบาๆ
“คุณคูน...ตื่นได้แล้วนะ
ไหนบอกว่าวันนี้มีธุระแต่เช้าไง...”
“อือ...ขออีกนิดน่า...”
คำพูดอู้อี้ลอดผ่านผ้าห่มแทบจับใจความไม่ได้ แต่ด้วยความซื่อกับความเถรตรงแล้ว
ถึงอีกฝ่ายจะอิดออดไปซักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางปลุกขึ้นมาตอนนี้ไม่ได้
“ไปสายไม่รู้ด้วยนะ
ผมขอตัวไปเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนก่อนล่ะ...” สิ้นเสียงร่างที่เคยนอนเกียจคร้านอยู่ใต้ผ้าห่มก็ลุกผลุง
ดูจากแววตาก็รู้ว่ายังไม่ได้สติตื่นดีเท่าใดนัก
แต่คงเพราะเหตุผลบางประการทำให้คนที่นอนอยู่ จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจลุกขึ้นมากะทันหัน
ดวงตาสีน้ำเงินง่วงงุนเหลือบมองคนปลุกก่อนเอ่ยขึ้นโดยไม่สนใจเส้นผมสีขาวฟ้าที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงของตน
“ขอขนมปังเบคอนทอดเกรียมกับไข่ดาวแบบซันไรส์สองฟองด้วยนะแบม...”
ประโยคที่ถูกเอ่ยออกมาสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ฟังไม่น้อย
แบมกะพริบตาปริบก่อนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วพยักหน้ารับ
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณคูนจะตื่นเพราะของกินนะครับ...รีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
ก่อนที่คุณเร็คจะตื่นแล้วกันครับ
ไม่อย่างนั้นผมไม่รับประกันว่ามื้อเช้าที่คุณขออาจจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนได้น่ะ”
กลิ่นอาหารลอยออกมาจากในครัวประสานกับเสียงกระทบกันของจานกระเบื้องและช้อนส้อม
คูนเดินรูดเนคไทของตนไปตามเสียงโดยไม่รีบร้อนนัก ในห้องครัวเขายืนมองแผ่นหลังที่กำลังง่วนอยู่กับมื้อเช้าของคนเกือบยี่สิบคน
คาดว่าผู้ช่วยคนอื่นๆ คงจะแยกย้ายกันไปจัดการตัวเองไม่ก็ไปปลุกคนอื่น
ทำให้เหลือเพียงแบมที่กำลังจัดอาหารใส่จานเพียงคนเดียว
“ให้ฉันช่วยมั้ยแบม ?”
การขันอาสาสร้างความประหลาดใจให้กับแบมไม่น้อย เหมือนหันไปเห็นรอยยิ้มสดชื่นจากคูนที่เดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำเปล่าใส่แก้วเขาก็ยิ้มน้อยๆ
แล้วหันไปจัดอาหารต่อ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ
คุณคูนแต่งตัวเตรียมพร้อมขนาดนั้นแล้ว
ถ้าหากมาช่วยผมจัดอาหารก็กลัวว่าจะพลาดเลอะเปล่าๆ...”
คูนที่ได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
เขาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วยกแก้วขึ้นดื่มน้ำเย็นให้สมองปลอดโปร่ง
“เมื่อคืนคงหลับสบายสินะครับ
ถึงได้ไม่อยากลุกถึงขนาดนั้น”
แบมพูดพลางจัดเรียงจานอาหารให้พร้อมหากว่ามีใครจะรับประทานอาหารเช้าก็สามารถหยิบจานของตัวเองได้เลย
คูนเลิกคิ้วเล็กน้อยกับประโยคนั้นก่อนนึกทบทวนกับตัวเอง
...หลับสบาย...งั้นเหรอ...
“ก็...ไม่เชิงนะ
ฉันก็แค่ฝันน่ะ...”
...ฝันถึงเรื่องที่นายคงไม่อภัยให้ฉันหากรู้ความจริง...
คำตอบที่ราวกับไม่ใส่ใจมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากนั้นทำให้แบมหันมองคู่สนทนาเงียบๆ
ดวงตาสีน้ำเงินหลุบมองแก้วน้ำที่ว่างเปล่าเหมือนนึกทบทวนบางสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจ
แม้ว่าจะไม่ได้รับการบอกเล่าจากบุคคลตรงหน้า
แต่แบมก็ยังคงไว้ใจและไม่เอ่ยถามสิ่งใดต่อ
คูนที่รู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่หันไปมองตามสายตานั้นก็สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลทองทันที
ประกายตาใสที่เต็มไปด้วยคำถามเจ้าตัวกลับเลือกที่จะปิดปากเงียบและจ้องมองเขาเพียงเท่านั้นสร้างความเอ็นดูให้กับคูนจนรู้สึกอยากแกล้ง
เขาก้าวเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายแล้วโน้มใบหน้าแนบริมฝีปากเร็วๆ
ผู้ถูกรุกใส่ถึงกับนิ่งค้างอย่างตื่นตะลึง ต่างจากผู้กระทำที่ผละใบหน้าห่างเพียงเล็กน้อยแล้วแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แบบนี้...ต้องพูดว่า ‘อรุณสวัสดิ์’ ด้วยสินะ
ถึงจะครบสูตร...” ฉับพลันใบหน้าขาวก็ขึ้นสีแดงจัด
แบมรีบผละถอยทันทีพร้อมกับละล่ำละลักพูดแทบไม่เป็นภาษา
“พะ...พะ...พูดอะไรน่ะครับคุณคูน ! ละ...แล้วสูตร...” คงเพราะปฏิกิริยาตอบสนองน่ารักแบบนั้นคูนจึงอดไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่อีกรอบ
เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายมีฝีมือแค่ไหน
แต่เขาคงต้องขอคิดเข้าข้างตัวเองซักนิดว่าแบมไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับเขาแน่ๆ...
เพราะไม่กล้าทำอะไรรุนแรง
เขาถึงได้ย่ามใจขนาดนี้...
“วันนี้มีอะไรกินบ้าง !!!” เสียงทุ้มตะโกนก้องอย่างไม่สนใจใคร
ร่างใหญ่ในชุดเกราะปิดบังร่างกาย
ส่วนหัวที่เป็นจระเข้อ้าปากกว้างเพื่อส่งเสียงให้ดังเกินความจำเป็น
ดวงตาสีแดงมองบุคคลทั้งสองในครัวที่หันมามองตนด้วยสายตาที่แตกต่างกัน
คนหนึ่งมองด้วยสายตาตื่นตกใจ ใบหน้าขึ้นสีแดงจัดอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ต่างกับอีกคนที่มองเขาด้วยสายตารำคาญใจสุดๆ
จนแทบจะเรียกได้ว่ากลายเป็นความหงุดหงิดราวกับถูกขัดใจอะไรบางอย่าง
“มีอะไรเจ้าเต่าช้า ?
มองข้าด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง ? แล้วนั่นแกกำลังแกล้งเจ้าเต่าดำอยู่เรอะ ! ไม่ได้นะเว้ย !
ถ้าจะแกล้งกันก็ไปแกล้งกันที่อื่น ข้าจะกินข้าวเช้า !!!”
คำพูดขวานผ่าซากไม่สนใจใครของเร็คสร้างความหงุดหงิดให้กับคูนเพิ่มอีกหลายเท่าตัว
“เป็นแค่ไอ้เข้ก็ออกไปหาของกินในน้ำเองสิวะ
จะมาถามหาของกินจากแบมทำไม ?”
“หา ! นั่นแกหาเรื่องเรอะเจ้าเต่า !
เป็นได้แค่เต่าแท้ๆ กล้าลองดีกับข้าคนนี้เรอะ !!!”
“ฉันก็แค่พูดความจริง
แกก็หัดยอมรับแล้วไปออกหากินเองให้สมเป็นไอ้เข้หน่อยสิ”
“ว่าไงนะ !!!!!!”
“โอ๊ย ! พวกนายอีกแล้วเหรอ !
จะทะเลาะก็ไปกันไกลๆ เลยนะยะ วันนี้ฉันต้องรีบไปถ่ายปกนิตยสารแต่เช้านะ แบม ! ช่วยยกจานของฉันมาให้หน่อย เวลาจะไม่มีอยู่แล้ว ! ไอ้เข้นายนี่มันเกะกะขวางประตูจริงๆ
!”
แอนโดรซีกรีดเสียงร้องอยู่หน้าประตูยิ่งทำให้เสียงทะเลาะในห้องครัวเพิ่มขึ้นมาอีกเสียง
ดูท่าว่าหลายๆ คนคงจะตื่นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่แสนวุ่นวายและน่าหงุดหงิดใจที่ถูกขัดจังหวะในเวลาแบบนี้
แต่มันคงจะดีกว่าถ้าความวุ่นวายนี้มีแบมรวมอยู่ด้วย...
หอคอย...ไม่เคยให้มิตรภาพ...
แต่หอคอย...ทำให้ฉันได้เจอกับสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด...
Bad Innocence : End.
อยากให้เป็นแบบนี้จัง
ตอบลบฟิคสนุกมากค่ะ อยากให้แต่งต่อไปเรื่อยๆเลยค่ะ
ตอบลบฟิคสนุกมากค่ะ ชอบ;;-; เเต่จริงๆน้องชื่อว่าพัม(เกาลัด,กลางคืน ในภาษาเกาหลีที่คนเขียนเป็นคนเกาหลีเเละตั้งชื่อน้องขึ้นมาเอง) ไม่ใช่เเบมนะคะ._. เเต่ฟิคสนุกมากจริงๆค่ะ
ตอบลบ